บริษัท ดีเคเอสเอช เทคโนโลยี จำกัด

การวัดขนาดอนุภาคด้วยเทคนิคการเลี้ยวเบนของแสง (Laser Diffraction)

การวัดขนาดอนุภาคมีความสำคัญในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมอาหาร, เครื่องดื่ม, ยาและเวชภัณฑ์, เครื่องสำอาง, เหมืองแร่ เกษตรกรรม และแบตเตอรี่ เนื่องจากการวัดขนาดอนุภาคมีความสำคัญในหลายๆ ด้าน ดังนี้

1.การควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์

การติดตามขนาดอนุภาคช่วยรักษาคุณภาพ และความสม่ำเสมอของผลิตภัณฑ์ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงขนาดของอนุภาคอาจบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงในคุณภาพของผลิตภัณฑ์

2. การปรับปรุงกระบวนการผลิต
การเข้าใจขนาดอนุภาคช่วยในการปรับปรุงกระบวนการผลิตได้ เช่น การบด หรือการผสม

3. การปฏิบัติตามมาตรฐานต่างๆ
หลายอุตสาหกรรมมีกฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับขนาดของอนุภาคเพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค เช่น อุตสาหกรรมยา

4. คุณสมบัติด้านสัมผัส และการละลาย
ในผลิตภัณฑ์อาหาร ขนาดอนุภาคมีผลต่อรสสัมผัส การรับรู้รสชาติ และการละลาย เช่น กาแฟ หรืออาหารเสริมแบบผง

5. ความเสถียรของผลิตภัณฑ์
สำหรับสารแขวนลอย หรืออิมัลชัน ขนาดอนุภาคมีผลต่อความเสถียร อนุภาคที่มีขนาดเล็กกว่ามักช่วยเพิ่มความเสถียร และป้องกันการตกตะกอน หรือการแยกตัว เช่น ในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องสำอาง

การวัดขนาดอนุภาคด้วยเทคนิคการเลี้ยวเบนของแสง (Laser Diffraction)
การวัดขนาดอนุภาคด้วยเทคนิคการเลี้ยวเบนของแสงเป็นวิธีการวัดตัวอย่างที่ผ่านแสงเลเซอร์ โดยแสงเลเซอร์จะส่องผ่านตัวอย่างที่กระจายอยู่ในเครื่องมือ และมีการวัดความเปลี่ยนแปลงของความเข้มของแสงที่กระจายออกไปตามมุมต่างๆ อนุภาคขนาดใหญ่จะให้มุมการกระจายแสงที่แคบ ในขณะที่อนุภาคขนาดเล็กจะให้มุมกระจายแสงที่กว้าง ข้อมูลการกระจายแสงที่แตกต่างกัน จะถูกใช้ในการคำนวณขนาดของอนุภาค  โดยใช้ทฤษฎีของนักวิทยาศาสตร์ Mie และ Fraunhofer จากนั้นรายงานผลเป็นขนาดอนุภาค

Mastersizer 3000+ จากแบรนด์ Malvern Panalytical ประเทศอังกฤษ เป็นเครื่องมือวัดขนาดอนุภาคที่ใช้เทคนิคการเลี้ยวเบนของแสง (Laser Diffraction) ระบบของเครื่องนี้ประกอบด้วยสามองค์ประกอบหลักที่ช่วยให้การวัดขนาดอนุภาคมีความแม่นยำ และเชื่อถือได้

  • ตัวเครื่องประกอบด้วยส่วนลำแสง (Light Source) กระจก (Optical) และตัวตรวจวัด (Detector) สามารถวัดขนาดได้ตั้งแต่ 0.01 ถึง 3500 ไมโครเมตร
  • ส่วนการกระจายตัวอย่าง หรือเรียกว่า Dispersion Unit มีให้เลือกทั้งแบบสำหรับวัดตัวอย่างแบบเปียก (Wet Technique) และสำหรับวัดตัวอย่างแบบแห้ง (Dry Technique) เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในตัวอย่างที่หลากหลาย
  • ซอฟต์แวร์ Mastersizer Xplorer ซอฟต์แวร์นี้จะใช้ในการควบคุม และสั่งงานการวัดตัวอย่างของเครื่อง Mastersizer 3000+ ซอฟต์แวร์ใช้งานง่าย และมีฟังก์ชันที่ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง และเชื่อถือได้ ดังนี้

Operating Display

  • Size Sure: ฟังก์ชันที่ใช้ในการตรวจสอบผลของขนาดอนุภาคที่สงสัย เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นอนุภาคจริง หรือเป็นอนุภาคที่เกาะกลุ่ม หรือเป็นสิ่งที่ปนเปื้อน เช่น ฟองอากาศ
  • Data Quality Guidance: บอกถึงคุณภาพของข้อมูล ช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับข้อมูลที่ได้จากการวัดตัวอย่าง ผู้ใช้งานสามารถดูคุณภาพข้อมูลในส่วนของ Background และ Sample
  • SOP Architect: ฟังก์ชันสำหรับการพัฒนาวิธีการให้เป็นมาตรฐาน ฟังก์ชันนี้ทำหน้าที่เป็นไกด์ที่คอยแนะนำในแต่ละขั้นตอนของการวัดตัวอย่างแบบเปียก (Wet Technique) จากนั้นจะสรุป Condition หลังจากเสร็จสิ้นการทำงาน

SOP Architect Display

เครื่องวัดขนาดอนุภาค รุ่น Mastersizer 3000+ เป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์สำหรับใครที่มองหาเครื่องวัดขนาดอนุภาคที่ให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว นอกจากนี้เครื่อง Mastersizer 3000+ ยังมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ทั้งผู้เริ่มต้นการใช้งาน และผู้เชี่ยวชาญสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการด้านการวิเคราะห์ และภาระงานของห้องปฏิบัติการทั้งในปัจจุบัน และอนาคต

ที่มา: https://www.malvernpanalytical.com

ผู้เขียน: Hanan Jehma

Executive, Product Management
ผู้มีความเชี่ยวชาญเครื่องมือ แบรนด์ Malvern Panalytical
 
ติดต่อผู้เชี่ยวชาญได้ที่นี่ marketing.tec.th@dksh.com

บทความที่น่าสนใจอื่นๆ

Shop
Wishlist
0 Compare

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า